เนสกาแฟ กรมการค้าภายในกำลังจับตา หลังศาลคุ้มครองห้ามขาย-ผลิต
เนสกาแฟ วันนี้ (10 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เนสท์เล่ (ไทย) คาสิโนพม่า ระบุเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ว่าศาลแพ่งมีนบุรีได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟแต่เพียงผู้เดียว ดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ในคดีที่นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ หนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่ และกรรมการ จำนวน 2 คดี และขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในแต่ละคดี galaxy casino เครดิตฟรี
เนสกาแฟ เนสท์เล่มีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อย
กรณีดังกล่าวได้ออกหนังสือแจ้งลูกค้าผู้ประกอบการร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าบริษัทฯ จะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบภายหลัง ในช่วงเวลาระหว่างนี้ ร้านค้าปลีกที่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอยู่ในร้าน ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ
ทั้งนี้ เนสท์เล่มีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อย ร้านกาแฟขนาดเล็ก รถเข็นขายกาแฟที่จะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจำหน่าย และการปรับเปลี่ยนสูตรการชงและวัตถุดิบที่ใช้ ยังอาจส่งผลต่อรสชาติที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ประจำวันของผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งยังส่งผลต่อการขาดรายได้ของพนักงานของลูกค้าและคู่ค้าซัปพลายเออร์ที่เคยสามารถจัดส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้กับเนสกาแฟแต่ต้องหยุดชะงักลง รวมไปถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟและเกษตรกรโคนม จะไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตเพื่อเป็นวัตถุดิบให้เนสกาแฟ
เนื่องจากคำสั่งศาลห้ามผลิต และว่าจ้างผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย ทุกปีเนสกาแฟรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบพันธุ์โรบัสต้าในปริมาณมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมดที่ปลูกได้ประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้บริโภคในประเทศไทยและในตลาดส่งออกจะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟดื่ม “เนสท์เล่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์นี้ และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง” แถลงการณ์เนสกาแฟระบุ
ก่อนหน้านี้ เนสกาแฟได้ผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2533-2567 ผ่านบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ซึ่งร่วมทุนกับตระกูลมหากิจศิริ ซึ่งมีนายประยุทธ มหากิจศิริ ฉายา “เจ้าพ่อเนสกาแฟ” เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น แต่เนสท์เล่มีอำนาจในการบริหารงาน การผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาดผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ
โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเนสกาแฟนั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่ ต่อมาในปี 2564 เนสท์เล่ได้แจ้งยุติสัญญาที่ให้สิทธิ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส ในการผลิตเนสกาแฟ มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายโดยคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการสากล
ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 แต่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส ได้ ทำให้เนสท์เล่ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์สฯ แต่นายเฉลิมชัย ทายาทนายประยุทธซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่ และกรรมการ จำนวน 2 คดีดังกล่าว