ซีรี่ย์สงครามส่งด่วน คมสันต์ แซ่ลี จากเด็กดอย ขนส่งเจ้าดัง สงครามส่งด่วน

ซีรี่ย์สงครามส่งด่วน รู้จัก ‘คมสันต์ แซ่ลี’ สล็อตออนไลน์ ค่าย AdvantPlay จากเด็กดอยสู่ซีอีโอขนส่งเจ้าดัง เรื่องจริงสู่แรงบันดาลใจ ทางเข้า sbobet มือ ถือ777 ซีรีส์ สงครามส่งด่วน ชีวิตกว่าจะถึงวันนี้ ต้องเจออะไรมามากมาย เป็นกระแสแรงสุดๆ ในตอนนี้ สำหรับซีรีส์ สงครามส่งด่วน Mad Unicorn (2025) ที่เริ่มฉายใน Netflix

ซีรี่ย์สงครามส่งด่วน Mad Unicorn (2025) ที่เริ่มฉายใน Netflix แรงบันดาลใจจากเด็กดอยสู่ซีอีโอขนส่งเจ้าดัง

โดยซีรีส์ สงครามส่งด่วน เป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของนักธุรกิจหนุ่มที่เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ ก่อนก้าวเข้ามาสู่เจ้าของสตาร์ตอัพขนส่งด่วน ซึ่งซีรีส์ สงครามส่งด่วน นำแสดงโดย ไอซ์ซึ ณัฐรัต ที่น่าสนใจจากซีรีส์ สงครามส่งด่วน คงเป็นแรงบันดาลใจและเรื่องราวชีวิตจริงของ คมสันต์ ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express ที่ถูกนำมาเล่าเรื่องและถ่ายทอดในซีรีส์ สงครามส่งด่วน

ซีรี่ย์สงคราม ส่งด่วน เป็นเรื่องราวของบริษัทให้บริการขนส่งพัสดุด่วนสัญชาติไทย ที่เน้นให้บริการที่เข้าถึงง่ายและราคาย่อมเยา โดย คมสันต์ ลี กลายเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่น่าจับตา และถูกนำมาถ่ายทอดชีวิตผ่านซีรีส์โดย ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ รับบทเป็น สันติ แซ่ลี

สำหรับประวัติ คมสันต์ แซ่ลี จากดอยสู่ซีอีโอ
นายคมสันต์ ลี หรือคมสันต์ แซ่ลี เกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2534 ที่ดอยวาวี จ.เชียงราย ปัจจุบันอายุ 34 ปี เป็นลูกชายคนโตในครอบครัว พ่อเป็นนักธุรกิจ แม่เป็นครูสอนภาษาจีน เรียนปริญญาตรีที่ ม.ราชภัฏลำปาง สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ เริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ด้วยการนำเข้าสินค้าจากจีนขายให้นักศึกษา และทำงานพาร์ตไทม์ เป็นทั้งพนักงานบริษัทจีนและครูสอนภาษาจีน เมื่อเรียนจบ นายคมสันต์ แซ่ลี ย้ายไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับชาวจีนที่เชียงใหม่ และระหว่างปี 2555–2560 ดำรงตำแหน่งซีอีโอบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง

จุดเปลี่ยนชีวิตของ คมสันต์ แซ่ลี
เมื่อเริ่มหันไปจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ หรือนายหน้าซื้อขายอสังหาฯ ทำอยู่ปีกว่า เขาสามารถทำกำไรให้ตัวเองได้กว่า 100 ล้านบาท

นั่นเองที่เป็น ต้นทุน ในการพาตัวเองเข้าแวดวงธุรกิจขนส่ง ในนาม 4 T Express (โฟร์ ที เอ็กซ์เพรส) เป็นบริษัทโลจิสติกส์จัดส่งสินค้าจากต่างประเทศทั่วโลกกระจายไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศจีน ดำเนินธุรกิจอยู่ราว 3 ปี มีกำไรเป็นเงินปันผลให้หุ้นส่วน ได้เดือนละ 20-30 ล้านบาท

จนในราวปี 2560 เริ่มหันมาศึกษาโอกาสทางธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย กระทั่งพบข้อมูลน่าสนใจ ไทยมีพื้นที่เล็กกว่าประเทศจีน แต่ค่าขนส่งแพงกว่าจีนหลายเท่า อีกทั้งคนไทยยังต้องไปเข้าแถวรอส่งสินค้า ทั้งที่การบริการที่จีนนั้นมีการไปรับสินค้าถึงหน้าบ้านให้เลย

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจ “แฟลช เอ็กซ์เพรส” ในเมืองไทยนั้น เขาพบว่าตัวเองยังขาดเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนในการทำงาน หากจะใช้คนเป็นจำนวนมาก ค่าจ้างต้องสูงและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ภรรยาของเขาซึ่งเป็นชาวจีน จึงประสานไปทาง “ไอบีเอ็ม” และ “อาลีบาบา” เพื่อให้เข้ามาช่วยพัฒนาระบบเทคโนโลยีและร่วมบริหาร

“ก่อนหน้านี้เคยพาตัวแทนจากอาลีบาบา ไปสำรวจสาขาของคู่แข่ง พบภาพลูกค้ายืนต่อแถวเพื่อรอส่งสินค้า เขาตกใจ และคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะที่จีน มีบริการรับสินค้าถึงหน้าบ้าน จึงคิดว่าโอกาสของเรามาแล้ว เลยตกลงทำธุรกิจร่วมกัน”

“แฟลช เอ็กซ์เพรส” เปิดตัว อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2561 ภายใต้โมเดลการทำธุรกิจขนส่งแตกต่างไปจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ ไม่รับทั้ง “Out Source” (เอาต์ซอร์ซ) และไม่ใช้ระบบ “แฟรนไชส์”

และดึงทีมไอทีที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาดูแลระบบ “หลังบ้าน” เองทั้งหมด ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 5,000 ล้านบาท และใช้จุดขายค่าจัดส่งเริ่มต้นเพียง 19 บาท ซึ่งถูกที่สุดในตลาดตอนนั้น